ผู้โดยสารหนีระทึก! 2 ชายใส่กันยับบนรถสองแถว โชเฟอร์ต้องจอดรถลงห้าม – เผยสาเหตุ
งานเครียดน้อยลง ปัญหาคลี่คลาย มีพลังสร้างสรรค์งาน
เผยวงจรปิด นาที เป๊ก ผลิตโชค โดดเกาะรถกระบะ ก่อนวิวาทหนัก ถูกหนุ่ม 21 ปี ฟันคาง
คมนาคม จัด 5 มาตรการ ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา เป็นเรื่องที่รัฐบาลและทุกหน่วยงานให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมขอให้ทุกท่านมั่นใจว่า กระทรวงคมนาคมพร้อมสนับสนุนภารกิจ และเคียงข้างดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มกำลัง กระทรวงคมนาคมได้ออกมาตรการใน 5 มิติ เพื่อให้ทุกหน่วยงานในสังกัดสนับสนุนภารกิจช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการรักษาอธิปไตยของประเทศในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา ดังนี้มิติที่ 1 การอพยพประชาชนและการเคลื่อนย้าย ให้จัดเตรียม และระดมยานพาหนะภาครัฐ เช่น รถโดยสาร รถบรรทุก หรือรถไฟ เพื่อใช้ในการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยง พร้อมจัดตั้งจุดพักคอยหรือสถานีรับ – ส่งที่ปลอดภัยบริเวณใกล้ชายแดน โดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจัดตารางการบินเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของเครื่องบินกองทัพอากาศให้เกิดความปลอดภัยทางด้านการบินสูงสุด และเกิดความรวดเร็วในการดำเนินภารกิจมิติที่ 2 การดูแลโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ให้ตรวจสอบและประเมินความเสียหายของโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่ปะทะ ดำเนินการซ่อมแซมฉุกเฉิน เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย และสนับสนุนการลำเลียงสิ่งของหรือการเคลื่อนย้ายประชาชน ปิดกั้นหรือเบี่ยงเส้นทางที่ไม่ปลอดภัย พร้อมติดตั้งป้ายแจ้งเตือนล่วงหน้า และจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของทุกระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศนายสุริยะ กล่าวว่า สำหรับมาตรการมิติที่ 3 คือ การสนับสนุนด้านโลจิสติกส์และการขนส่ง ให้จัดระบบลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ และความช่วยเหลือจากส่วนกลางสู่พื้นที่ชายแดน ตลอดจนสนับสนุนการขนส่งอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรคและเวชภัณฑ์ต่าง ๆ และวางแผนเส้นทางสำรองสำหรับการขนส่งสินค้า เพื่อลดผลกระทบต่อระบบโลจิสติกส์มิติที่ 4 การสื่อสารข้อมูลและการประสานงาน โดยจัดตั้งศูนย์ประสานงานด้านคมนาคมในภาวะฉุกเฉิน ภายใต้การกำกับของกระทรวงคมนาคม พร้อมเปิดช่องทางติดต่อสายด่วนตลอด ๒๔ ชั่วโมง สำหรับสอบถามการเดินทาง การขนส่ง เส้นทางที่ปลอดภัย และเผยแพร่ข้อมูลผ่านเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และโชเชียลมีเดียของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมอย่างต่อเนื่องนายสุริยะ กล่าวว่า และมาตรการในมิติที่ 5 การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและเครื่องจักรกล โดยเตรียมเจ้าหน้าที่จากกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยง จัดเตรียมเครื่องจักรกลหนัก เช่น รถบรรทุก รถขุด พร้อมเข้าดำเนินการเมื่อมีความจำเป็น และสนับสนุนหน่วยเคลื่อนที่เร็ว (Mobile Units) สำหรับช่วยเหลือในภาวะฉุกเฉิน ทั้งนี้ ขอให้ ทุกหน่วยงานจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมงจนกว่าสถานการณ์จะสงบ“กระทรวงคมนาคมจะไม่นิ่งเฉยในยามที่ประชาชนและประเทศต้องเผชิญกับความไม่มั่นคง เราพร้อมจะระดมทุกทรัพยากร ทั้งคน เครื่องจักร และระบบขนส่ง เพื่อให้ความช่วยเหลือเข้าถึงประชาชนอย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุด เพราะความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของประชาชนคือสิ่งสำคัญสูงสุดที่เราจะไม่ละเลย” นายสุริยะ กล่าว
ชื่นมื่น! อาสาฯแรงงาน-สมาคมแท็กซี่ ขอบคุณ ‘พิพัฒน์’ ขึ้นค่าตอบแทนรายเดือน
ใครต้องติดคุก? จับไปแล้วหลายราย ทั้งผู้ออกแบบ ผู้รับเหมา และผู้คุมงาน และเมื่อวานนี้ (22 ก.ค. 2568) ตำรวจนำสำนวนการสอบสวนคดีส่งให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 พิจารณาสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งนิติบุคคล (จำนวน 7 บริษัท) และบุคคลธรรมดา (จำนวน 18 คน) ต้องติดตามดูว่าจะมี “มีใครติดคุกสักคนไหม?” เราต้องการเห็นความเป็นธรรม คนผิดจะต้องถูกลงโทษ ไม่ปล่อยให้ลอยนวลขอให้ดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตเป็นพลังผลักดันให้ความยุติธรรมบังเกิด!เหตุการณ์นี้…ไม่ได้กระทบแค่ชื่อเสียงของวงการก่อสร้างไทยเท่านั้น แต่ยังสร้างความกังวลให้กับประชาชนทั่วไปในเรื่องความปลอดภัยของตึกสูงทั่วประเทศเหตุการณ์นี้…กำลังบั่นทอน “ศักดิ์ศรีวิศวกรไทย” ทั้งแผ่นดิน! ด้วยเหตุนี้ เราต้องไม่ยอมให้เรื่องนี้เงียบหายไปกับกาลเวลา เราควร…
สภา อบจ.สงขลา ส่งหนังสือถามผู้ว่าฯ ยังไม่พิจารณาถอดถอน สจ.กอล์ฟ ป.ป.ช.ติดตามการทำงานใกล้ชิดเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีนายสิรดนัย พลายด้วง หรือ สจ.กอล์ฟ ส.อบจ.สงขลา เขตอำเภอเมืองสงขลา หลังก่อเหตุสั่งให้ลูกน้องรุมทำร้ายร่างกาย ดต.นิสาธิตตชด.ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหน่วยเลือกตั้งในอำเภอเมืองสงขลาได้รับบาดเจ็บเหตุเกิดเมื่อ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งนายสิรดนัย พร้อมพวก ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยใช้อาวุธและร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่หรือเพราะเหตุที่จะกระทำหรือได้กระทำการตามหน้าที่ โดยเป็นตัวการรวมถึง ซ่องโจร และเกี่ยวโยง เครือข่ายพนันออนไลน์คดีนั้นโอนไปให้กองบังคับการปราบปราม และได้มีการสรุปสำนวน ส่งฟ้องคดีไปแล้วล่าสุดนั้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงการติดตามของ ป.ป.ช.กรณีสภา อบจ.สงขลา ได้พิจารณาถอดถอน นายสิรดนัยออกจากตำแหน่งแล้วหรือไม่ นายราม วสุธนภิญโญ ผอ.ป.ป.ช.สงขลา กล่าวว่า เท่าที่ได้มีการติดตามนั้นพบว่า ในการประชุมสภา อบจ.สงขลา สมัยวิสามัญก่อนหน้านี้ มีการเปิดประชุมไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีการพิจารณา โดยมีมติให้ทำหนังสือสอบถามผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ในเรื่องของการถอดถอนไปส่วนหลังจากนั้น ก็ไม่ได้ทราบว่า มีการดำเนินการอย่างไรต่อหรือไม่ ซึ่งในส่วนของ ป.ป.ช.สงขลา นั้น ได้ทำหนังสือเสนอแนะให้ ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ โดยไม่ได้ไปก้าวล่วงในการพิจารณา ส่วนในการจะตรวจสอบ เรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นั้น คงจะต้องพิจารณาให้ละเอียด ว่า อำนาจหน้าที่ของสภาอบจ.ว่ามีอำนาจหน้าที่แค่ไหน อย่างไร มีการใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายแล้วหรือไม่ ถ้ามีหน้าที่แล้วไม่ดำเนินการก็อาจจะเข้าข่ายต้องตรวจสอบแต่ถ้าเขาทำหน้าที่ที่มีแล้วแต่อยู่ในดุลพินิจของเขาก็ต้องปล่อยให้เป็นสิทธิของสภา อบจ.ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเองว่าการที่สภาอบจ.คิดเห็นเช่นนั้น เป็นความเหมาะสมที่จะเป็นผู้แทนของประชาชนหรือไม่อย่างไร บางอย่างก็ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ที่ให้บทเรียนกับนักการเมืองบ้างเพราะประชาชนเป็นผู้เลือกเข้าไปทำงาน แต่เมื่อไม่ได้ทำตามหน้าที่ที่มีตามที่ทำสัญญาประชาคมเอาไว้ประชาชนก็สามารถให้บทเรียนด้วยการพิจารณาในช่วงของการเลือกตั้งครั้งถัดไป การจะใช้อำนาจรัฐอย่างเดียวแม้จะได้แต่ประชาชนก็ควรจะพิจารณาในการเลือกตัวแทนครั้งต่อไปเพื่อให้บทเรียนกับนักการเมือง ในขณะที่ภาครัฐเองก็ไม่ควรที่จะเพิกเฉยต่อหน้าที่ของตัวเองเช่นเดียวกัน
หอค้าศรีสะเกษ เผย ปิดด่านเดือนเดียวสูญ 100 ล้าน วอนรัฐบาลออกนโยบายใช้ชัด
คนไทยรู้จักดีแถมชอบกินกันมาก "ราชาแห่งการบำรุงม้ามและกระเพาะอาหาร" ดีกว่ามันเทศ และมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าหัวเผือกในขณะที่หลายคนคุ้นเคยกับมันเทศหรือเผือก ยังมีผักหัวอีกชนิดหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครสนใจนัก แต่กลับมีสรรพคุณโดดเด่นกว่าในเรื่องช่วยระบาย บำรุงการย่อยอาหาร และอุดมด้วยสารอาหารในช่วงหน้าร้อนที่อากาศอบอ้าว หลายคนมักเผชิญกับปัญหาเบื่ออาหาร ม้ามและกระเพาะทำงานอ่อนแอ ผิวพรรณหมองคล้ำ ท้องหิวกลางดึก หากปล่อยไว้นานร่างกายจะยิ่งทรุดโทรม อ่อนเพลียง่าย ขณะที่หลายคนเลือกกินมันเทศหรือเผือก แต่ยังมีหัวพืชอีกชนิดหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจ ทั้งที่มีสรรพคุณช่วยระบาย บำรุงการย่อย และอุดมด้วยสารอาหารมากกว่า นั่นก็คือ "แห้ว" หรืออีกชื่อคือ "สมหวัง"มีงานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่าแห้วอุดมไปด้วย:เมื่อเทียบกับมันเทศที่ใยอาหารน้อยกว่า และเผือกที่มีแป้งสูงแต่ใยอาหารกับวิตามินต่ำกว่า แห้วจึงถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่าในหน้าร้อน โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุและวัยกลางคนiStockphotoตามตำรายาแผนจีน แห้วมีรสหวาน เย็น ช่วยบำรุงพลังงานกลางลำตัว เพิ่มความอยากอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ขับร้อน เหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีระบบย่อยอาหารอ่อนแอ หรือมีอาการท้องผูกจากข้อมูลของสถาบันเวชภัณฑ์เหงียนตรีเฟือง ระบุว่า “แห้วช่วยขับถ่าย ล้างสารพิษ บำรุงตับ แก้ท้องผูก” ด้วยค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ใยอาหารและน้ำสูง จึงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้อิ่มนาน เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักนอกจากนี้ แห้วยังมีสารช่วยล้างพิษ เสริมการทำงานของตับ โพแทสเซียมที่มีมากช่วยควบคุมความดันโลหิต ร่วมกับกรดไขมันโอเมก้า อย่างกรดไลโนเลอิกที่ลดคอเลสเตอรอลไม่ดี ปกป้องหัวใจ สาร epicatechin gallate และฟลาโวนอยด์ในแห้วยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี ช่วยต้านการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน ชะลอวัย และบำรุงผิวให้สดใสดร.เลอวันฮุง สถาบันโภชนาการแห่งชาติของเวียดนาม ระบุว่า ด้วยค่าดัชนีน้ำตาลต่ำและโพแทสเซียมสูง แห้วจึงเหมาะกับผู้สูงวัยและวัยกลางคน ใยอาหารช่วยควบคุมน้ำหนักและน้ำตาลในเลือด ขณะที่วิตามินบี6 และแมงกานีสช่วยเรื่องการเผาผลาญพลังงานและปกป้องหัวใจวิธีรับประทานแห้วในช่วงหน้าร้อนข้อควรระวังแม้หลายคนจะเลือกมันเทศหรือเผือกเป็นหลัก แต่แห้วกลับอุดมไปด้วยใยอาหาร แร่ธาตุ วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่า มีสรรพคุณบำรุงม้าม ลำไส้ ขับถ่ายดี บำรุงตับ ควบคุมความดัน จึงเหมาะเป็น “สมุนไพรประจำหน้าร้อน” โดยเฉพาะผู้สูงอายุและวัยกลางคน อย่าลืมเพิ่มแห้วในเมนูหน้าร้อน รับรองช่วยคลายร้อน ดูแลลำไส้ และเสริมสุขภาพได้รอบด้าน

งานวิทยาศาสตร์ฯ 68 จัดใหญ่ 14-16, 18 ส.ค. ที่ มช.
รวบรายสุดท้าย กก.สมาคมเถื่อน เก็บค่าสมาชิกแค่หลักพัน ตุ๋นพาพี่น้องมุสลิมทำพิธีฮัจญ์ที่ซาอุฯ
“สุชาติ” พาพณ.เจาะตลาดใหม่ จับคู่ธุรกิจทำเงินกว่า 800 ล้าน ขันนอตทูตพาณิชย์ทำงานเชิงรุกเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน “จับคู่ธุรกิจเชื่อมไทยสู่โลก รับมือความท้าทายการค้าโลก” (Thailand – Global Connect: Seeking New Opportunities amidst Global Trade Challenges) โดยมีจ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพีรวัส สมวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) และคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชนเข้าร่วมคับคั่งนายสุชาติ กล่าวว่า งาน “จับคู่ธุรกิจเชื่อมไทยสู่โลก รับมือความท้าทายการค้าโลก” จัดขึ้นตามนโยบายของนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มุ่งเร่งรัดการส่งออกและขยายตลาดใหม่ เพิ่มรายได้เข้าประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์การค้าทั่วโลกที่เผชิญความผันผวนจากมาตรการด้านภาษีของสหรัฐอเมริกานายสุชาติ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้บูรณาการทุกหน่วยงาน เครือข่ายทูตพาณิชย์ 58 สำนักงานทั่วโลก ให้ทูตพาณิชย์เป็นครอบครัวและมองผู้ประกอบการไทยเป็นครอบครัว ที่จะช่วยเหลือส่งเสริมสนับสนุน ต้องทำการบ้านหนักขึ้น เดินหน้าเชิงรุกในการหาตลาดใหม่ ทั้งในแอฟริกาใต้ ตะวันออกกลาง และภูมิภาคที่มีกำลังซื้อสูง รวมทั้งการเจรจาในต่างประเทศเพื่อเปิดทางการค้า พร้อมทั้งมองหาตลาดชดเชย เช่น อาร์เจนตินา เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้ผู้ประกอบการไทย“เราจะทำงานเชิงรุก กระทรวงพาณิชย์ เป็นทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำในการสนับสนุนผู้ประกอบการ ผลักดันสินค้าศักยภาพของไทย ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องประดับ อะไหล่เครื่องยนต์ และยานยนต์ให้เติบโตต่อเนื่อง และสนับสนุนผู้ประกอบการให้แข่งขันได้ในตลาดโลก ผลักดันนโยบาย ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย และการจับคู่ธุรกิจจะต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางการค้า ผมประทับใจกับศักยภาพของสินค้าคนไทย เรามีความชำนาญและความสามารถสูง กระทรวงพาณิชย์จะยิ่งส่งเสริมและเสริมความรู้ให้ผู้ประกอบการ พร้อมเป็นพี่เลี้ยงและสะพานเชื่อมสู่คู่ค้าทั่วโลก” นายสุชาติ กล่าวกิจกรรมจับคู่ธุรกิจครั้งนี้ จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมกว่า 156 บริษัท จากหลากหลายกลุ่มสินค้าและบริการศักยภาพ อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม ไลฟ์สไตล์ สุขภาพและความงาม เครื่องมือแพทย์ และบริการต่างๆ ได้เจรจาการค้ากับผู้นำเข้า 135 บริษัท จาก 29 ประเทศ รวม 690 คู่เจรจา ทั้งแบบออนไลน์และออนไซต์ คาดสร้างมูลค่าการเจรจาการค้ากว่า 800 ล้านบาททั้งนี้สหรัฐยังคงเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย โดยช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มูลค่า 33,412.04 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 1.1 ล้านล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 20.02 ของการส่งออกทั้งหมด และเติบโตต่อเนื่องแม้ต้องเผชิญความท้าทายทางนโยบาย ในภาพรวมการส่งออกของไทยระหว่างเดือนมกราคม–มิถุนายน 2568 มีมูลค่า 166,852 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (5.58 ล้านล้านบาท) ขยายตัว ร้อยละ 15.03 เมื่อเทียบกับปีก่อน ตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และมาเลเซีย โดยมีสินค้าสำคัญ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ยาง โทรศัพท์และส่วนประกอบ หม้อแปลงไฟฟ้า และเครื่องจักรกล
ไผ่ ลิกค์ เฉลย ดารา ด แจงปม กู้ยืมเงิน รับเคยเตือน เรื่องใช้ชีวิตแพง
สภาฯ ถกญัตติด่วนผลกระทบภาษีทรัมป์ ‘ณัฐพงษ์’ เสนอ 5 ข้อ แนะ ‘รัฐบาล’ ทำงานเชิงรุก บอก เปิดงบฯ 69 ไร้แผนรับมือผลกระทบจริงจัง มีแต่ทุ่มร้อยล้านจ้างล็อบบี้ยิสต์ ชงปรับแผนใหม่ ถาม รบ.เอาอะไรไปแลกเมื่อเวลา 15.10 น. วันที่ 31 กรกฎาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เมื่อเข้าสู่วาระการประชุม นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายระวี เล็กอุทัย ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย (พท.) นายประมวล พงศ์ถาวราเดช ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ส.ส.ชลบุรี พรรคกล้าธรรม (กธ.) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และนายอัคร ทองใจสด ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอด่วนด้วยวาจาเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาการออกมาตรการและดำเนินนโยบายเพื่อรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากข้อตกลงในการเจรจาอัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ระหว่างไทย– สหรัฐอเมริกาเพื่อส่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการต่อไปโดยนายณัฐพงษ์ อภิปรายว่า ข่าวที่ได้รับทราบมานั้น คือในการเจรจาวันที่ 1 สิงหาคม อาจจะไม่ได้เกิดผลลัพธ์ในกรณีเลวร้ายที่สุด ซึ่งเราไม่สามารถทราบผลลัพธ์ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในมุมหนึ่งอาจจะเป็นข่าวดีสำหรับประชาชนคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการ เกษตรกร และผู้ใช้แรงงานทั่วทั้งประเทศ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จำเป็นมากกว่าในวันนี้คือสิ่งที่เราต้องรับรู้และรับทราบตรงกันว่ารัฐบาลได้นำอะไรเข้าไปแลกในการเจรจาครั้งนี้บ้าง เพื่อประชาชนรับรู้และรู้ว่าเขาต้องเตรียมตัวรับมืออย่างไร โดยในวันที่ 1 สิงหาคมจะเป็นจุดเปลี่ยนอีกจุดที่จะเป็นจุดเปลี่ยนในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทยที่เราพูดกันมาระยะใหญ่ว่าระเบียบโลกใหม่ได้เกิดแล้ว แต่ที่ผ่านมาคนไทยหลายคนยังไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ เพราะผลกระทบยังมาไม่ถึง เราเห็นแต่ข่าวประเทศมหาอำนาจไม่ว่าจะเป็นจีนหรือสหรัฐอเมริกาที่เขาทำสงครามการค้ากัน เขาทะเลาะกัน บางวันก็ดีกัน แต่เขากลับมาเจรจาต่อรองกันนายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เรายังเห็นข่าวเรื่องตัวเลขการเจรจาภาษีที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้ตั้งกำแพงภาษีกับประเทศไทยไว้สูงถึง 36 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งวันที่ 1 สิงหาคม เราจะได้รับทราบผลลัพธ์ว่าสรุปแล้วทีมไทยแลนด์ไปเจรจาแล้วสุดท้ายได้กลับคืนมาเท่าไหร่ และหลังจากวันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไป คลื่นสึนามิที่แต่ก่อนคนไทยยังไม่รู้สึกเพราะรู้สึกว่ายังห่างตัวเรามาก ตอนนี้กำลังจะเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว สิ่งที่ตนอยากสื่อสารกับประชาชนรวมถึง ครม. คือวันนี้เราไม่จำเป็นต้องมาพูดถึงเรื่องตัวเลขแล้ว เนื่องจากผ่านขั้นตอนนั้นไปแล้ว แต่สิ่งที่เราต้องมาถกเถียงกันในสภาฯ วันนี้คือ การชวนให้ทุกฝ่ายกลับมามองอีกหนึ่งขั้นข้างหน้าว่าตกลงแล้วผลกระทบที่จะเกิดขึ้น คลื่นสึนามิทางเศรษฐกิจลูกใหม่นี้ จะถาโถมเข้ามากระทบคนไทยในภาคส่วนใดบ้าง ท่านจะช่วยให้พวกเราลดแรงกระแทก ช่วยชี้ช่องให้อพยพคนหนีจากคลื่นสึนามิได้อย่างไรบ้างนายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้เราคงไม่ได้มาบอกรัฐบาลว่าเราจะเมคดีลอย่างไร เพราะผ่านขั้นตอนมาหมดแล้ว แต่เราอยากทราบว่ารัฐบาลได้เตรียมทางออกไว้อย่างไรบ้าง ทั้งนี้ สำหรับสินค้าที่จะได้รับผลกระทบหนักคือ อุตสาหกรรมยางล้อและชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ และอื่นๆ เนื่องจากอัตราภาษีที่เราได้รับขณะนี้มีอัตราที่สูงกว่า และตนทราบว่าผลการเจรจาในวันที่ 1 สิงหาคม เราจะได้รับการปรับลดอัตราภาษีที่ต่ำกว่า 36 เปอร์เซ็นต์ แต่หากการเจรจาล้มเหลว เกิดฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุด นี่จะเป็นคลื่นสึนามิลูกใหญ่ที่จะถาโถมเข้ามาซัดหลายภาคส่วนในเศรษฐกิจของไทย นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายภาคส่วนที่รัฐบาลนำไปแลกกับดีลภาษีในครั้งนี้ เราจึงมีความจำเป็นที่ต้องมีการพูดถึงบุคคลที่จะได้รับผลกระทบทางอ้อมด้วยเช่นกันนั่นคือเกษตรกรทั่วประเทศนายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เรายังไม่ได้รับความชัดเจนว่าตกลงแล้วดีลที่รัฐบาลเอาไปแลกคืออะไรบ้าง อาจต้องบีบให้เกษตรกรไทยต้องแข่งขันกับเกษตรกรต่างประเทศที่เขามีศักยภาพสูงกว่า และท่านนำรายได้ของใครไปแลกกับสหรัฐฯ กลับมาบ้าง วันนี้รัฐบาลหรือใครออกมาบอกเกษตรกรบ้างแล้วหรือไม่ว่าสึมามิลูกใหญ่ลูกนี้จะพาเขาไปในทิศทางใด มีใครออกมาชี้ช่องบอกเขาแล้วหรือไม่ว่าเขาต้องอพยพหนีสึนามินี้อย่างไร ควรมุ่งหน้าอย่างไรให้เกิดความปลอดภัย การตัดสินใจเรื่องใหญ่เช่นนี้ ไม่ควรเป็นการตัดสินใจจากคนใดคนหนึ่งหรือรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง แต่ควรเป็นภารกิจร่วมกันที่ทั้งรัฐบาลและภาคประชาชนต้องทำงานร่วมกันตั้งแต่ต้น และที่ผ่านมาพวกตนเรียกร้องมาโดยตลอดว่ารัฐบาลควรตั้งคณะทำงานหรือภาคีที่มาองค์ประกอบจากทุกภาคส่วนเพื่อที่ก่อนรัฐบาลจะไปเมคดีลนั้นต้องมาหารือกันอย่างรอบด้าน มีใครในห่วงโซ่ที่ได้รับผลกระทบบ้าง แต่เราก็ไม่เคยเห็นการดำเนินการเช่นนั้น ซึ่งหลังจากนี้รัฐบาลควรมีการรายงานเป็นสาธารณะเพื่อให้คนได้รับทราบและการใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นไปอย่างคุ้มค่า โปร่งใส อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มผู้ใช้แรงงานได้รับผลกระทบอีกด้วย แล้วรัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานอย่างไร เรามีข้อมูลของกลุ่มเปราะบางที่พร้อมส่งให้รัฐบาล เหลือแค่การทำงานเชิงลุกของผู้มีอำนาจที่วันนี้อยากได้ยินความชัดเจนจาก ครม.นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ตนมีข้อเสนอ 5 ข้อที่อยากส่งต่อให้รัฐบาลในการทำงานเชิงลุกในเวทีระหว่างประเทศ ได้แก่ 1.ไทยต้องเริ่มเปลี่ยนการวางตัวจากรูลเทคเกอร์ หรือการที่เราเป็นประเทศที่คอยทำตามคนอื่นที่คนอื่นเขียนให้ไปเป็นรูลเชปเปอร์ หรือเข้าไปเป็นผู้ที่ร่วมเขียนกติกากับประเทศอื่นในเวทีภูมิภาค 2.ทำตัวให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยในเวทีการค้าระหว่างการค้าให้นักลงทุนที่เขาอยากย้ายฐานการผลิตจากจีน หรือกระจายความเสี่ยงออกจากสหรัฐฯ หันมาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งการที่เราจะทำเช่นนี้ได้ก็ขจัดกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค หรือทำกิโยตินกฎหมาย ทำให้เขาสะดวกที่สุดในการที่จะให้เขามาลงทุนในประเทศ 3.ความกล้าหาญในการเปิดเวทีเจรจากับประเทศมหาอำนาจอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่ไปเป็นลูกไล่ของพวกเขา 4.ยกระดับมาตรบานของประเทศไทยให้ทัดเทียมกับประเทศที่พัฒนาแล้วโดยเร็วที่สุด และ 5.การที่เรามองไปด้านบน เราต้องมองไปด้านข้างด้วย ไม่ใช่ว่าเราจะหันไปเจรจากับประเทศมหาอำนาจหรือประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเดียว แต่การมองไปข้างๆ คือประเทศที่เป็นโกลบอลด์เซาท์ เราจะทำอย่างไรที่จะกำหนดบทบาทให้เรากลายมาเป็นผู้นำในการทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศที่กำลังพัฒนาด้วยกันเอง โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน“สิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเดินเกมแบบไหน ต้องใช้การเดินบนหลักการทางการทูต เพื่อไม่ให้มองว่าไทยเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ผมขอให้รัฐบาลสร้างความตระหนักต่อการสื่อสารกับประชาชน ในการเจรจาที่จะมีผลกระทบต่อประชาชน” นายณัฐพงษ์ กล่าวนายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการเตรียมความพร้อมในการรับมือภาษีสหรัฐฯ เมื่อพิจารณาจากการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ตนขอตั้งข้อสังเกตว่า เป็นงบประมาณ 3 ไม่มีกับการรับมือภาษีทรัมป์ คือ 1.ไม่ระบุชัดเจนว่าโครงการหรือแผนงานใดรับมือหรือเยียวยาผู้ได้ร้บผลกระทบจากภาษีทรัมป์อย่างไรบ้าง แต่มีเพียงการตั้งงบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อจ้างล็อบบี้ยิสต์ในสหรัฐฯ 2.ไม่มีการเชื่อมโยงโครงการของหน่วยงานต่างๆ เพื่อรับมือกับผลกระทบ หรือตามอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบและ 3.ไม่มีตัวชี้วัดหรือเป้าหมายใดๆ ในการเปลี่ยนผ่านห่วงโซ่อุปทาน“ซึ่งกรณีดังกล่าว สะท้อนภาพที่ประชานบอกว่า ไม่มีการเตรียมรับมือจริงจังและการรับมือล่วงหน้า รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดเป็นวงกว้าง ทั้งนี้ผมมีข้อเสนอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการในระยะสั้นคือ การตั้งกลุ่มภาคี ภาครัฐและเอกชน ที่ติดตามสถานการณ์รวมถึงผลกระทบระยะยาว รวมถึงรัฐบาลต้องเปิดเผยข้อมูลการเจรจา ว่าสหรัฐมีข้อเรียกร้องอะไรและไทยให้อะไรบ้าง นอกจากนั้นแล้วต้องวางกรอบการเงินเผื่อเยียวยาแรงงานผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ รวมไปถึงต้องบังคับใช้กฎหมาย กำกับอย่างเข้มงวด ต่อประเด็นการนำเข้าสินค้าของประเทศอื่น” นายณัฐพงษ์ กล่าว
slot 008
สาขาเซ็นทรัล สุราษฎร์ธานี
quay-thử-xổ-số-miền-trung-thứ-tư